๑. เครื่องหมายไปยาลน้อย ฯ ใช้ละบางส่วนของคำ
เช่น นายกฯ ใช้ละส่วนท้ายของนามเฉพาะ เช่น แขวงสมเด็จ ฯ
๒. เครื่องหมายไปยาลใหญ่ ฯลฯ ใช้สำหรับละข้อความท้ายประโยคที่อยู่ในประเภทเดียวกัน
เช่น สุดาไปตลาดซื้อผลไม้มาหลายชนิด
เช่น มะม่วง องุ่น
ชมพู่ ส้ม ฯลฯ อ่านว่า สุดาไปตลาดซื้อผลไม้มาหลายชนิด เช่น มะม่วง องุ่น
ชมพู่ ส้ม ละ หรือและอื่น ๆ
๓. เครื่องหมายไม้ยมก ๆ ใช้ซ้ำคำ เช่น เด็ก ๆ อ่านว่า เด็กเด็ก ใช้ซ้ำวลี เช่น ในวันหนึ่ง ๆ อ่านว่า ในวันหนึ่งวันหนึ่ง
๔. เครื่องหมายนขลิขิต
( ) ใช้กันข้อความที่อธิบายไว้เป็นพิเศษ เช่น พระสุนทรโวหาร(ภู่) อ่านว่า พระสุนทรโวหาร วงเล็บภู่
๕. ………
เมื่อมีเครื่องหมายไข่ปลาหรือจุดไข่ปลาควรหยุดเล็กน้อยก่อน แล้วจึงอ่านว่า ละ
แล้วหยุดเล็กน้อยก่อนอ่านข้อความต่อไป เช่น ฉันว่าเธอควรจะคิด…..ก่อนที่เธอจะพูดมันออกไป
๖. เครื่องหมายอัญประกาศ “
” ใช้แสดงว่าข้อความนั้นเป็นคำพูดหรือความนึกคิด
เช่น “ฉันไม่น่าจะพูดพล่อย ๆ เลย เธอคงจะเสียใจ”
๗. เครื่องหมายมหัพภาค ( . ) เขียนหลังตัวอักษรที่เป็นอักษรย่อ
เช่น ด.ช. อ่านว่า เด็กชาย
ใช้เขียนแสดงจุดทศนิยม
เช่น ๑๖.๕๐ บ. อ่านว่า สิบหกบาทห้าสิบสตางค์
๘. เครื่องหมายจุลภาค ( , ) ใช้คั่นจำนวนเลขนับจากหลักหน่วยไปทีละ
๓ หลัก ใช้แยกวลีหรืออนุประโยคเพื่อกันความเข้าใจสับสน
ใช้คั่นคำในรายการที่เขียนต่อ ๆ กัน ตั้งแต่ ๓ รายการขึ้นไป
โดยเขียนคั่นแต่ละรายการส่วนหน้าคำ"และ"หรือ"หรือ"ที่อยู่หน้ารายการสุดท้ายไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายจุลภาค ใช้ในการเขียนบรรณานุกรมดรรชนีและนามานุกรม ใช้ในหนังสือประเภทพจนานุกรมเพื่อคั่นความหมายของคำที่มีความหมายหลาย
ๆ อย่าง
๙. เครื่องหมายยัติภังค์ (-) ใช้แยกพยางค์เพื่อบอกคำอ่าน
เช่น จันทร อ่านว่า
จัน - ทอน
๑๐. เครื่องหมายปรัศนี ( ? ) ใช้ท้ายประโยคคำถาม เช่น มีเงินอยู่ ๑๒ บาท ซื้อขนมไป ๕ บาท จะเหลือเงินอยู่เท่าไร ?
๑๑. เครื่องหมายอัศเจรีย์ ( ! ) ใช้เขียนหลังคำอุทาน เช่น อุ๊ย ! ฝนตกแล้ว
๑๒. เครื่องหมายสัญประกาศ ____ ใช้เน้นข้อความที่มีความสำคัญ เช่น คนไทยต้องมีระเบียบวินัย
๑๒. เครื่องหมายสัญประกาศ ____ ใช้เน้นข้อความที่มีความสำคัญ เช่น คนไทยต้องมีระเบียบวินัย
๑๓. เครื่องหมายบุพสัญญา ( ” ) ใช้แทนคำหรือข้อความที่อยู่บรรทัดบนเพื่อไม่ต้องเขียนซ้ำอีก
แต่เวลาอ่านต้องอ่านซ้ำคำหรือข้อความข้างบนนั้นด้วย เช่น
แม่ ให้เงิน ๒๐ บาท
พ่อ ” ๑๕ ”
อ่านว่า แม่ให้เงิน ๒๐ บาท พ่อให้เงิน ๑๕ บาท
แม่ ให้เงิน ๒๐ บาท
พ่อ ” ๑๕ ”
อ่านว่า แม่ให้เงิน ๒๐ บาท พ่อให้เงิน ๑๕ บาท
๑๔. เครื่องหมายทับ ( / ) ใช้ขีดหลังจำนวนเลข
เพื่อแบ่งจำนวนย่อยออกจากจำนวนใหม่ ส่วนมากเป็นบ้านเลขที่ และหนังสือราชการ ใช้ขีดคั่นระหว่างเลขบอกลำดับศักราช ใช้ขีดคั่นระหว่างตัวเลขแสดงวัน
เดือน ปี ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ
"และ" กับ "หรือ" เป็น "และ/หรือ"หมายความว่า
อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ แทนคำว่า “หรือ”
หมายความว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้ขีดคั่นระหว่างคำมีความหมาย
“ต่อ” เช่น
๑/๑๐/๕๐ อ่านว่า วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐
๑/๑๐/๕๐ อ่านว่า วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐
บ้านเลขที่ ๑๒๓/๓๒๑ อ่านว่า
บ้านเลขที่หนึ่ง สองสามทับสามสองหนึ่ง
๑๕. ทวิภาค
หรือจุดคู่ ( : ) อ่านออกเสียงว่า
“ต่อ” เช่น แผนที่นี้ใช้มาตรส่วน ๑:๑๐๐๐๐ อ่านว่า หนึ่งต่อหนึ่งหมื่น
๑๖. เสมอภาค
หรือเท่ากับ ( = ) ใช้เขียนระหว่างคำหรือข้อความ
เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความทั้ง ๒ ข้างนั้นเสมอกัน
เช่น พล.ต.อ. = พลตำรวจเอก ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์
เพื่อแสดงว่า พจน์ หรือนิพจน์ ๒ ข้างของเครื่องหมายมีค่าเท่ากัน เช่น ๕ – ๓ = ๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น